บุคลิกภาพแบบก้าวร้าวและต่อต้านสังคมส่วนผสมเหตุแห่งอาชญากรรมปล้นฆ่า

s__8282126
ขอบคุณภาพประกอบจากไทยรัฐออนไลน์

ระยะที่ข่าวการปล้นร้านทองที่จังหวัดลพบุรีและมีการยิงทำร้ายผู้อื่นจนบาดเจ็บ4คนและเสียชีวิต3คนกำลังเป็นข่าวดังระดับประเทศอยู่นี้ ก็มีกัลยาณมิตรของผู้เขียนถามเข้ามาว่า “โดยปรกติอาชญากรปล้นฆ่ามักมีบุคลิกภาพอย่างไร” เป็นคำถามที่ทำให้ผู้เขียนใคร่ครวญอยู่นานเหมือนกันทั้งๆที่เขียนหนังสือและบรรยายเกี่ยวกับบุคลิกภาพมานานหลายสิบปี

#บุคลิกภาพคือ แบบฉบับพฤติกรรมของบุคคลที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้ามีการก่อร่างสร้างตัวแต่ในวัยเด็กพัฒนาขึ้นในวัยรุ่นและเป็นรูปแบบที่ชัดเจนถาวรในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งทุกคนจะมีแบบฉบับเป็นของตนเอง ในทางจิตวิทยานั้นผู้ที่มีบุคลิกภาพปรกติก็จะดำรงชีวิตปรับตัวอยู่ในสังคมได้ แต่ถ้าบุคลิกภาพถึงขั้นแปรปรวน(personality disorder)แล้วจำเป็นต้องเข้ารับการบำบัดรักษา แต่ผู้ที่มีบุคลิกภาพแปรปรวนมักไม่ตระหนักในปัญหาของตนเอง กว่าจะรู้ตัวก็ก่อเหตุรุนแรงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

#บุคลิกภาพที่มีแนวโน้มสัมพันธ์กับการก่ออาชญากรรมปล้นฆ่า ก็มักจะอยู่ในบุคลิกภาพแปรปรวนสองแบบคือบุคลิกภาพแบบก้าวร้าวและบุคลิกภาพแบบต่อต้านสังคม ทั้งนี้อาจเป็นไปแบบใดแบบหนึ่งแต่ส่วนมากมักจะผสมผสานกันอยู่ทั้งสองแบบนั่นเอง ทั้งนี้หากเป็นบุคลิกภาพแบบปรกติก็จะดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้แต่อาจเสียความสัมพันธ์ทางสังคม แต่ถ้าถึงขั้นบุคลิกภาพแปรปรวนก็จะส่งผลให้ก่อความรุณแรงจนถึงขั้นอาชญากรรมปล้นฆ่าได้

#บุคลิกภาพแปรปรวนแบบก้าวร้าว(aggressive personality disorder)มักจะเป็นผู้ที่มีการแสดงออกทางกริยาวาจาที่ก้าวร้าวจาบจ้วงล่วงเกิน สีหน้าบึ้งตึงเคร่งเครียดอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว โกรธง่ายไร้ความยับยั้งชั่งใจ ไร้ความเกรงใจผู้อื่น ขาดการนอบน้อมถ่อมตน ไปจนถึงอภิอหังการ จึงมักสร้างความขัดแย้งและทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นรุณแรงต่อผู้อื่นทั้งบุคคลในครอบครัวในที่ทำงานและในสังคมโดยรวมเป็นระยะๆ ทั้งนี้หลายสำนักวิชาการมักจะนำไปอธิบายรวมอยู่ในบุคลิกภาพแปรปรวนแบบต่อต้านสังคม

#บุคลิกภาพแปรปรวนแบบต่อต้านสังคม(antisocial personality disorder) ผู้ที่มีบุคลิกภาพแปรปรวนแบบต่อต้านสังคมมักจะแสดงออกทั้งกริยาวาจาที่ขาดความเห็นใจและไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น ชอบก่อกวน ชอบก่อความขัดแย้ง หยาบคายโวยวายไร้มารยาท ไร้สัมพันธภาพที่ดีและลึกซึ้งกับผู้อื่น หงุดหงิดโมโหง่ายถึงบ้าระห่ำ ขาดความรับผิดชอบ ขาดความซื่อสัตย์ มักโกหก หลอกลวง ลักขโมย คดโกงหรือคอรัปชั่น ไม่สนใจต่อคำวิจารณ์ใดๆ ต่อต้านแม้กระทั่งกฎระเบียบต่างๆทางสังคมเพียงเพื่อสนองความต้องการและพึงใจตนเองเท่านั้น จากสถิติพบบุคลิกภาพแบบนี้ในผู้ต้องขังในเรือนจำถึงประมาณร้อยละ75

#สาเหตุของบุคลิกภาพแปรปรวนทั้งสองแบบคล้ายกันคือ มักจะได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างปล่อยปละละเลยหรือตามใจจนเกินไป หรือเข้มงวดมากจนเกินไป จนไม่สามารถจะแสดงออกได้อย่างเหมะสมทั้งกายใจ หรือถูกกระทำชำเราทั้งร่างกายและจิตใจตั้งแต่วัยเด็ก จนเกิดปมด้วยในชีวิตมากมาย ขาดความภาคภูมิใจในชีวิต เหล่านี้มักจะส่งผลให้เกิดบุคลิกภาพแปรปวนทั้งสองแบบดังกล่าว ทั้งนี้อาจมีสาเหตุจากพันธุกรรมและจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยได้เช่นกัน

ยิ่งหากคนที่มีบุคลิกภาพแปรปรวนทั้งแบบก้าวร้าวและแบบต่อต้านสังคมผสมผสานกันก็มักจะส่งผลให้บุคคลนั้นแสดงความก้าวร้าวและต่อต้านสังคมที่เด่นชัดและรุณแรงออกมาในรูปแบบต่างๆทั้งในครอบครัวและสังคม และหากมีสิ่งเร้าอื่นๆที่เป็นปัจจัยทางจิตวิทยามากระตุ้นให้เขาโกรธและไม่พึงใจตนเพิ่มขึ้นอีกก็ยิ่งจะส่งผลให้เขาก่อความก้าวร้าวรุณแรงจนถึงขั้นเป็นอาชญากรรมต่างๆได้

ทั้งนี้เราสามารถป้องกันบุคลิกภาพแปรปรวนแบบก้าวร้าวและแบบต่อต้านสังคมได้ด้วยการเลี้ยงดูบุตรหลานของเราด้วยความรักความอบอุ่นและดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสม สร้างความภาคภูมิใจให้แก่เขาเหล่านั้น ฝึกความมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองครอบครัวและสังคม รู้จักสร้างและรักษามิตรภาพต่อผู้อื่น รู้จักเข้าใจเห็นใจผู้อื่น จนกระทั่งฝึกสติสมาธิความอดทนอดกลั้นและความยับยั้งชั่งใจให้ได้ กล่าวคือฝึกให้เขาเป็นผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์(eq)และความฉลาดทางสังคม(sq)ที่ดีนั่นเอง หากเป็นได้ดังกล่าวมาไม่ว่าจะเกิดปัญหาชีวิตรูปแบบใดระดับใดเขาเหล่านั้นก็จะสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขตามอัตภาพ ไม่ก่อความเดือดร้อนทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คงเข้าใจกันดีแล้วใช่มั้ยครับ นั่นคือไม่ว่าโจรคนนั้นจะปล้นร้านอะไรและฆ่าใคร ฆ่าเท่าไหร่ ฆ่าอย่างไร เขาเหล่านั้นก็เข้าได้กับบุคลิกภาพแปรปรวนแบบต่อต้านสังคมและก้าวร้าวนั่นเอง และวันนี้เราได้สำรวจตนเองและลูกหลานของเราแล้วหรือยัง ว่ามีบุคลิกภาพเป็นเช่นไร หากพบมีแนวโน้มเป็นแบบก้าวร้าวและต่อต้านสังคมก็ควรรีบเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษากันโดยเร็ว จะช่วยป้องกันปัญหาและผลกระทบต่างๆได้เป็นอย่างดี

Assoc. Prof. Dr. วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์

นักส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยสหศาสตร์ ประธานสถาบันพัฒนาศักยภาพมนุษย์และกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ wuttipong academy นักเขียนด้านสุขภาพจิตการสื่อสารและศาสนาปรัชญา สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มติชน, อมรินทร์ธรรมะ, ซีเอ็ด, ดีเอ็มจี และวิชบุ๊ก

Recommended Posts